การใช้พลังงานขั้นสุดท้ายใน พ.ศ. 2564 พบว่า มีปริมาณ 78,423 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ ลดลงร้อยละ 3.06 จาก พ.ศ. 2563 ที่มีปริมาณ 80,898 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ ส่วนใหญ่ลดลงจากการใช้น้ำมันสำเร็จรูป โดยสัดส่วนการใช้พลังงานขั้นสุดท้าย พบว่า น้ำมันสำเร็จรูปมีสัดส่วนมากที่สุด รองลงมา คือ ไฟฟ้า เมื่อพิจารณาในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา พบว่า พ.ศ. 2555-2561 การใช้พลังงานขั้นสุดท้ายของประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ใน พ.ศ. 2562-2564 การใช้พลังงานขั้นสุดท้ายของประเทศไทยมีแนวโน้มลดลง

          การใช้น้ำมันสำเร็จรูป 840 พันบาร์เรลต่อวัน ใน พ.ศ. 2564 ลดลงร้อยละ 3.8 จาก พ.ศ. 2563 สาเหตุหลักเกิดจากผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ที่ส่งผลทำให้การเดินทางลดลง ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมีนาคม 2563 จากมาตรการล็อกดาวน์ และการทำงานจากที่บ้าน

          สำหรับการใช้ไฟฟ้า 190,468 ล้านหน่วย ใน พ.ศ. 2564 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.83 จาก พ.ศ. 2563 โดยเฉพาะสาขาอุตสาหกรรมที่มีการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 5.20 เนื่องจากฐานการขยายตัวที่ต่ำผิดปกติในช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดระลอกแรกในเดือนเมษายน 2563 ประกอบกับ
การขยายตัวของการส่งออกสินค้า ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและอุปสงค์จากประเทศคู่ค้า และภาคครัวเรือนมีการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.70 เนื่องจากอุณหภูมิสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ประกอบกับมาตรการอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ และมาตรการทำงานจากที่บ้าน สำหรับสาขาธุรกิจมีการใช้ไฟฟ้าลดลงร้อยละ 5.50 เนื่องจากปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ระลอกที่ 3 ส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศทำให้มีการใช้ไฟฟ้าที่ลดลง (สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน, 2565)